ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด
ว่าด้วยรถราชการและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง
พ.ศ. ๒๕๕๕
โดยที่สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นส่วนราชการที่มีอิสระในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการดำเนินการอื่น โดยมีอัยการสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการที่จำเป็นจะต้องจัดให้มีรถราชการเพื่อใช้ในราชการของสำนักงานอัยการสูงสุด และเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการฝ่ายอัยการ ประกอบกับเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและดูแลรถราชการ สมควรที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะได้กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งด้วย จึงเป็นการสมควรให้มีระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยรถราชการและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง (๓) และวรรคสาม ประกอบมาตรา ๗ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ อัยการสูงสุดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอัยการจึงออกระเบียบ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยรถราชการและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๕”
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
“รถราชการ” หมายความว่า รถประจำตำแหน่ง รถรับรอง และรถส่วนกลาง
“รถประจำตำแหน่ง” หมายความว่า รถยนต์ที่สำนักงานจัดให้แก่ข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งตามบัญชีหมายเลข ๑ ส่วนที่ ๑ ท้ายระเบียบนี้
“รถรับรอง” หมายความว่า รถยนต์ที่สำนักงานจัดไว้เพื่อเข้าร่วมขบวน หรือเป็นพาหนะรับรองบุคคลสำคัญตามบัญชีหมายเลข ๑ ส่วนที่ ๒ ท้ายระเบียบนี้
“รถส่วนกลาง” หมายความว่า รถยนต์ รถยนต์นั่งกันกระสุน หรือรถจักรยานยนต์ที่สำนักงานจัดไว้เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของสำนักงาน หรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการตามบัญชีหมายเลข ๑ ส่วนที่ ๓ ท้ายระเบียบนี้
“ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง” หมายความว่า เงินที่จ่ายตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งให้แก่ผู้มีสิทธิได้รถประจำตำแหน่ง
“สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานอัยการสูงสุด
“สำนักงานภายใน” หมายความว่า สำนักงานภายในตามประกาศ ก.อ. ซึ่งได้รับการจัดสรรรถราชการ
“หัวหน้าส่วนราชการ” หมายความว่า อัยการสูงสุด หรืออธิบดีอัยการภาค
“ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุด
“ข้าราชการ” หมายความว่า ข้าราชการฝ่ายอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ และให้หมายรวมถึงลูกจ้าง และพนักงานราชการ
“ผู้กลั่นกรองงาน” หมายความว่า อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งได้รับแต่งตั้งจากสำนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้กลั่นกรองงาน
“ก.อ.” หมายความว่า คณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
ข้อ ๔ ให้อัยการสูงสุด มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ข้อ ๕ ให้อัยการสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศ คำสั่ง หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
หมวด ๑
ตราเครื่องหมายและอักษรชื่อรถราชการ
ข้อ ๖ รถส่วนกลางทุกคันให้มีตราเครื่องหมายประจำของสำนักงานอัยการสูงสุดขนาดกว้างหรือยาวไม่น้อยกว่า ๑๘ เซนติเมตร และอักษรชื่อเต็ม “สำนักงานอัยการสูงสุด” ขนาดสูงไม่น้อยกว่า ๕ เซนติเมตร ไว้ด้านข้างนอกรถทั้งสองข้าง ยกเว้นรถยนต์นั่งกันกระสุน
สำหรับรถจักรยานยนต์ ขนาดของตราเครื่องหมายและอักษรชื่อเต็ม “สำนักงานอัยการสูงสุด” ให้ลดลงตามส่วน
ตราเครื่องหมายและอักษรชื่อตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ใช้สติ๊กเกอร์หรือพ่นด้วยสีขาว เว้นแต่ใช้สีขาวแล้วมองเห็นได้ไม่ชัดเจนให้ใช้สีอื่นแทน ในกรณีที่มีการจำหน่ายรถส่วนกลาง ให้สำนักงานภายในลบหรือทำลายตราเครื่องหมายและอักษรแสดงชื่อสังกัดของสำนักงานอัยการสูงสุดออกทั้งหมดก่อนที่จะส่งมอบรถส่วนกลางให้บุคคลอื่น
สำนักงานภายในใดมีเหตุผลและความจำเป็นซึ่งเห็นว่า การมีตราเครื่องหมายและอักษรชื่อแสดงสังกัดของสำนักงานอัยการสูงสุดไว้ด้านข้างนอกรถ อาจไม่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้ หรือไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติงาน ให้ขออนุมัติอัยการสูงสุด เพื่อขอยกเว้นการมีตราเครื่องหมายและชื่อสำนักงานอัยการสูงสุด
หมวด ๒
การจัดหารถราชการ
ข้อ ๗ ให้จัดหารถประจำตำแหน่งแก่อัยการสูงสุดจำนวน ๑ คัน ตามบัญชีหมายเลข ๑ ส่วนที่ ๑ ท้ายระเบียบนี้
ข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งอื่นนอกเหนือจากวรรคหนึ่ง ให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ตามข้อ ๓๐ เว้นแต่ในกรณีมีความจำเป็นและความเหมาะสมเป็นพิเศษ อัยการสูงสุดอาจมีคำสั่งให้ใช้รถประจำตำแหน่ง
ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่งหรือได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งและไปดำรงตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีสิทธิได้รับรถประจำตำแหน่งของรัฐวิสาหกิจหรือได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจด้วย ให้ข้าราชการผู้นั้นเลือกใช้รถประจำตำแหน่งหรือรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งทางใดทางหนึ่งได้เพียงตำแหน่งเดียว
รถประจำตำแหน่งซึ่งมีอายุการใช้งานมาแล้วไม่น้อยกว่า ๖ ปี และรถส่วนกลางซึ่งมีอายุการใช้งานมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี ให้ถือเป็นเกณฑ์ที่จะพิจารณาจัดหารถคันใหม่ทดแทนคันเก่าได้
ในกรณีรถประจำตำแหน่งหรือรถส่วนกลางที่ได้รับความเสียหายต้องเสียค่าซ่อมสูง หรือประโยชน์ที่จะได้รับไม่คุ้มค่ากับค่าซ่อม หรือเมื่อซ่อมแล้วไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้โดยปลอดภัยหรือไม่อาจใช้งานได้ตามปกติ ไม่อยู่ในบังคับของระยะเวลาดังกล่าว
ความในวรรคสี่และวรรคห้าไม่ใช้บังคับกับรถรับรอง โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณาตามความจำเป็นเหมาะสม
ข้อ ๘ ให้มีคณะกรรมการว่าด้วยรถราชการสำนักงานอัยการสูงสุด เรียกโดยย่อว่า “กร.อส.”ประกอบด้วย
(๑) อัยการสูงสุด หรือรองอัยการสูงสุดที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ
(๒) ผู้ตรวจการอัยการที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ
(๓) อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ เป็นกรรมการ
(๔) อธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย เป็นกรรมการ
(๕) อธิบดีอัยการ สำนักงานนโยบาย ยุทธศาสตร์ และงบประมาณ เป็นกรรมการ
(๖) อัยการพิเศษฝ่ายงบประมาณ เป็นกรรมการ
(๗) ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นกรรมการและเลขานุการ
ให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลางและผู้อำนวยการสำนักบริหารทรัพย์สิน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ให้ กร.อส. มีอำนาจและหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้และตามที่อัยการสูงสุดมอบหมาย
ข้อ ๙ ขนาดมาตรฐานรถราชการให้เป็นไปตามบัญชีหมายเลข ๑ ท้ายระเบียบนี้
การกำหนดราคามาตรฐานรถราชการตามวรรคหนึ่ง ให้ กร.อส. เป็นผู้พิจารณาโดยคำนึงถึงราคามาตรฐานของทางราชการ แล้วเสนออัยการสูงสุดเพื่ออนุมัติ
ให้สำนักงานจัดหารถราชการโดยการซื้อ การเช่า หรือการเช่าซื้อ
ในกรณีที่มีความจำเป็นไม่อาจจัดหารถตามราคาตามวรรคสองได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อประโยชน์ของทางราชการ
หมวด ๓
การใช้รถราชการ
ข้อ ๑๐ รถประจำตำแหน่ง ให้ใช้ในการปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่ หรือที่ได้รับมอบหมายโดยชอบ หรืองานที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับงานในตำแหน่งหน้าที่ หรือฐานะที่ดำรงตำแหน่งนั้น รวมตลอดถึงการใช้เพื่อเดินทางไปกลับระหว่างที่พัก และสถานที่ที่ปฏิบัติราชการ และเพื่อการอื่นที่จำเป็นและเหมาะสมแก่การดำรงตำแหน่งหน้าที่ในหมู่ข้าราชการและสังคม
ข้อ ๑๑ ในกรณีที่ผู้ใช้รถประจำตำแหน่งใดพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ใช้รถประจำตำแหน่ง ให้ผู้ใช้รถประจำตำแหน่งนั้นคืนรถให้แก่สำนักงาน ภายในกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้พ้นจากตำแหน่งหรือไม่ใช้รถประจำตำแหน่ง
ข้อ ๑๒ รถรับรอง ให้ใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการ หรือจัดไว้เพื่อเข้าร่วมขบวนหรือเป็นพาหนะรับรองบุคคลสำคัญ โดยให้หัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ใช้และให้ยืมรถรับรอง
ข้อ ๑๓ เว้นแต่อัยการสูงสุดจะกำหนดเป็นอย่างอื่น รถส่วนกลางให้ใช้หรือให้ยืมเพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของสำนักงานหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการตามหลักเกณฑ์ดังนี้
(๑) เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของสำนักงาน
(๒) เพื่อกิจการที่เป็นประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับราชการ และการกุศลสาธารณะ งานสาธารณประโยชน์ งานสวัสดิการของข้าราชการในสำนักงาน
ใบอนุญาตใช้รถส่วนกลาง ให้ใช้ตามแบบที่สำนักงานกำหนด
การใช้รถส่วนกลางที่เป็นรถยนต์นั่งกันกระสุน ให้หัวหน้าสำนักงานภายในปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบว่าด้วยการนั้น ในกรณีจำเป็นให้สำนักงานออกหลักเกณฑ์การจัดหา การใช้รถ การเก็บรักษา และการอื่นใดอันจำเป็นเพื่อใช้กับรถยนต์นั่งกันกระสุนด้วย
ข้อ ๑๔ ให้บุคคลต่อไปนี้เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ใช้รถส่วนกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบในราชการของสำนักบริหารกลาง หรือสำนักงานภายใน ดังนี้
(๑) อัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ใช้รถส่วนกลางทุกกรณี
(๒) อธิบดีอัยการภาคเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ใช้รถส่วนกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบ
(๓) หัวหน้าสำนักงานภายในเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ใช้รถส่วนกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบ
(๔) ผู้อำนวยการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ใช้รถส่วนกลางในเขตกรุงเทพมหานคร เว้นแต่กรณีขอใช้รถส่วนกลางนอกเวลาราชการ หรือกรณีที่ขอใช้รถส่วนกลางนอกเขตกรุงเทพมหานคร ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้มีอำนาจอนุญาต
ข้อ ๑๕ ให้หัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้มีอำนาจอนุญาตให้สำนักงานภายในอื่น ยืมรถส่วนกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบ
ข้อ ๑๖ การยืมใช้รถส่วนกลางเพื่อกิจการตามข้อ ๑๓ ผู้ยืมจะต้องทำเป็นหนังสือขอยืม และจะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้มีอำนาจตามข้อ ๑๕ ก่อนทุกครั้ง
ข้อ ๑๗ กรณีที่พนักงานขับรถไม่มี หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หัวหน้าสำนักงานภายใน อาจมอบหมายให้ข้าราชการของสำนักงานภายในนั้น ๆ เป็นผู้ขับรถได้ ทั้งนี้ ให้พิจารณาถึงความสามารถและประสบการณ์ในการขับรถของผู้นั้น และจะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถประเภทนั้นตามกฎหมาย
สำหรับสำนักงานภายในที่อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และสำนักงานอัยการจังหวัดนาทวี กรณีที่พนักงานขับรถไม่มี หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเพื่อความปลอดภัยในร่างกาย ชีวิตของข้าราชการ และทรัพย์สินของทางราชการ หัวหน้าสำนักงานภายในอาจมอบหมายให้ข้าราชการหรือบุคคลอื่นที่เห็นว่าเหมาะสมเป็นผู้ขับรถได้ ทั้งนี้ ให้พิจารณาถึงความสามารถและประสบการณ์ในการขับรถของผู้นั้น และจะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถประเภทนั้นตามกฎหมาย
ข้อ ๑๘ ให้หัวหน้าสำนักงานภายในมีหน้าที่ควบคุมการใช้ และการดูแลรักษารถส่วนกลาง โดยให้มีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการในหน่วยงานราชการนั้น ๆ เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรถได้ตามที่เห็นสมควร
เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับการแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง มีหน้าที่ควบคุมการใช้ การเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง การซ่อมบำรุง การจัดหาอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย และการดูแลรักษารถส่วนกลางให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย
ข้อ ๑๙ ให้สำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำบัญชีรถราชการแยกประเภทเป็นรถประจำตำแหน่ง รถส่วนกลาง รถรับรอง รวมทั้งแสดงหลักฐานการได้มาและการจำหน่ายจ่ายโอนรถราชการตามแบบที่สำนักงานกำหนด
การเปลี่ยนแปลงประเภทรถราชการตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นให้เปลี่ยนแปลงได้ โดยให้ผู้อำนวยการเสนอเรื่องต่อ กร.อส. เพื่อพิจารณาให้เปลี่ยนแปลงเป็นรถรับรองหรือรถส่วนกลาง และให้สำนักงานจัดสรรเพื่อทดแทนรถรับรอง หรือรถส่วนกลางที่มีอายุการใช้งานเกิน ๕ ปี หรือจัดสรรเพื่อทดแทนรถรับรอง หรือรถส่วนกลางที่ได้รับความเสียหายต้องเสียค่าซ่อมสูง หรือประโยชน์ที่จะได้รับไม่คุ้มค่ากับค่าซ่อม หรือเมื่อซ่อมแล้วไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้โดยปลอดภัยหรือไม่อาจใช้งานได้ตามปกติ แล้วเสนออัยการสูงสุดเพื่ออนุมัติ
หมวด ๔
การเก็บรักษาและซ่อมบำรุงรถราชการ
ข้อ ๒๐ การเก็บรักษารถประจำตำแหน่งให้อยู่ในความควบคุมและความรับผิดชอบของผู้ใช้รถประจำตำแหน่ง
ข้อ ๒๑ การเก็บรักษารถส่วนกลาง และรถรับรอง ให้อยู่ในความควบคุมและรับผิดชอบของสำนักงานภายใน โดยให้เก็บรักษาในสถานที่เก็บ หรือบริเวณของหน่วยงานราชการนั้น โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยด้วย
หากสถานที่เก็บหรือบริเวณของหน่วยงานราชการไม่มีความปลอดภัยเพียงพอ หรือมีราชการจำเป็นและเร่งด่วน ให้หัวหน้าสำนักงานภายในพิจารณาสถานที่อื่นเป็นสถานที่เก็บรถส่วนกลางและรถรับรองเป็นการชั่วคราวหรือเป็นครั้งคราว โดยให้คำนึงถึงความมั่นคงและปลอดภัยของสถานที่นั้น ทั้งนี้ ให้รายงานพร้อมด้วยเหตุผลความจำเป็นและรายละเอียดของสถานที่ที่จะนำรถส่วนกลางและรถรับรองไปเก็บรักษา ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความปลอดภัยเพียงพอ ต่อหัวหน้าส่วนราชการในโอกาสแรกที่อาจจะกระทำได้
ข้อ ๒๒ ให้พนักงานขับรถหรือผู้ขับรถตามข้อ ๑๗ นำรถส่วนกลางเข้าเก็บในสถานที่เก็บทันทีที่เสร็จสิ้นการใช้รถแล้ว โดยให้ใช้อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยทุกชนิดที่มีอยู่และส่งมอบกุญแจรถให้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรถ
ในกรณีที่การใช้รถได้เสร็จสิ้นลงภายหลังเวลาราชการและไม่สามารถส่งมอบกุญแจรถให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรถได้ ให้ส่งมอบแก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นกรณีไป หากไม่มีผู้รับมอบกุญแจรถดังกล่าว ให้พนักงานขับรถหรือผู้ขับรถตามข้อ ๑๗ เก็บรักษากุญแจรถนั้นไว้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และให้รีบส่งมอบผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในโอกาสแรกที่พึงกระทำได้
ข้อ ๒๓ ในกรณีที่เกิดการสูญหายหรือเสียหายขึ้นแก่รถส่วนกลางหรือรถรับรองในระหว่างการเก็บรักษาที่อื่นเป็นการชั่วคราว ผู้เก็บรักษาต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทางราชการ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้ใช้ความระมัดระวังดูแลรักษาเยี่ยงวิญญูชนจะพึงสงวนรักษาทรัพย์สินของตนเองแล้ว และการสูญหายหรือเสียหายนั้นมิได้เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เก็บรักษา แต่หากการสูญหายหรือเสียหายนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการนำไปใช้ในการอื่น ให้ผู้อื่นใช้ หรือนำไปเก็บไว้ ณ ที่ที่มิได้รับอนุญาต ผู้เก็บรักษาต้องรับผิดชอบทุกกรณีแม้ว่าจะเกิดด้วยเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรความสูญหายหรือเสียหายก็จะเกิดแก่รถส่วนกลางหรือรถรับรองคันนั้น
ข้อ ๒๔ เมื่อเกิดการสูญหายหรือเสียหายขึ้นกับรถประจำตำแหน่ง ผู้ใช้รถประจำตำแหน่งต้องรีบรายงานให้สำนักงานทราบทันที กรณีที่มิได้เป็นผู้ใช้รถเองหรือไม่สามารถจะรายงานเองได้ ให้พนักงานขับรถรีบรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงอัยการสูงสุด แล้วแต่กรณี
ในกรณีเมื่อเกิดการสูญหายหรือเสียหายขึ้นแก่รถส่วนกลางหรือรถรับรอง ให้พนักงานขับรถหรือผู้ขับรถตามข้อ ๑๗ วรรคหนึ่ง หรือผู้มอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ขับรถตามข้อ ๑๗ วรรคสอง ทำรายงานเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงอัยการสูงสุดเพื่อทราบและพิจารณา
การรายงานกรณีรถราชการสูญหายหรือเสียหายให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ให้รายงานตามแบบที่สำนักงานกำหนด
ข้อ ๒๕ ให้สำนักงานภายในจัดทำประกันภัยรถราชการได้ โดยกำหนดให้เป็นประกันภัยรถยนต์ประเภทที่ ๓ ที่คุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วย หรือประเภทอื่นในลักษณะเดียวกันตามที่สำนักงานกำหนด
ในกรณีที่ผู้ใช้รถประจำตำแหน่งประสงค์จะให้สำนักงานภายในทำประกันภัยรถประจำตำแหน่งประเภทที่ ๑ ผู้นั้นต้องรับผิดชอบค่าเบี้ยประกันภัยตามสัญญาประกันภัย
นอกจากสำนักงานจะกำหนดเป็นอย่างอื่น การทำประกันภัยตามวรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง ให้ผู้อำนวยการสำหรับรถราชการที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือหัวหน้าสำนักงานภายในสำหรับรถราชการที่อยู่ในจังหวัดอื่น แล้วแต่กรณี เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกผู้รับประกันภัยจากบริษัทประกันภัยรถยนต์ตามกฎหมาย
เงินค่าเบี้ยประกันตามวรรคหนึ่ง ให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ
ข้อ ๒๖ ในกรณีที่รถประจำตำแหน่งสูญหายหรือเสียหายเป็นรถที่ได้ทำสัญญาประกันภัยไว้ตามข้อ ๒๕ วรรคสอง ผู้ใช้รถประจำตำแหน่งต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนที่นอกเหนือจากที่สำนักงานภายในได้รับตามสัญญาประกันภัยเฉพาะกรณีที่การสูญหายหรือเสียหายนั้นเกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนเท่านั้น แต่ถ้าการสูญหายหรือเสียหายนั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้ใช้รถประจำตำแหน่งอนุญาตให้บุคคลอื่นนำรถประจำตำแหน่งไปใช้นอกเหนือจากหน้าที่ปกติประจำ ผู้ใช้รถประจำตำแหน่งต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แม้การสูญหายหรือเสียหายนั้นเกิดด้วยเหตุสุดวิสัย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรการสูญหายหรือเสียหายก็จะเกิดขึ้นแก่รถคันนั้นอยู่นั่นเอง
ภายใต้บังคับวรรคหนึ่ง ในกรณีที่รถราชการสูญหายหรือเสียหายให้นำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวมาใช้บังคับโดยอนุโลม
ข้อ ๒๗ ในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นแก่รถประจำตำแหน่ง รถส่วนกลาง รถรับรอง และอยู่ในระหว่างที่ดำเนินการหาตัวผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รถดังกล่าว หากส่วนราชการมีความจำเป็นต้องใช้รถคันนั้น ให้ผู้อำนวยการ หรือหัวหน้าสำนักงานภายในรายงานขออนุมัติซ่อมรถคันนั้นต่ออัยการสูงสุด หรืออธิบดีอัยการภาค แล้วแต่กรณี โดยเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณไปก่อนได้
ข้อ ๒๘ สำนักงานภายในมีหน้าที่รับผิดชอบการซ่อมบำรุงรถประจำตำแหน่ง รถส่วนกลาง รถรับรอง ให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ดีอยู่เสมอ ทั้งนี้ มิให้มีมลพิษ และระดับเสียงจากท่อไอเสียเกินระดับมาตรฐานที่ทางราชการกำหนด และให้จัดทำสมุดรายการซ่อมบำรุงรถประจำตำแหน่ง รถส่วนกลาง รถรับรอง แต่ละคันตามแบบที่สำนักงานกำหนด และให้ส่งสำเนารายการซ่อมบำรุงไปยังสำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุด อย่างน้อยปีละครั้ง
ให้สำนักงานจัดหารถราชการอื่นให้แก่ข้าราชการที่ใช้รถประจำตำแหน่งในระหว่างการซ่อมบำรุงหรือมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจใช้รถประจำตำแหน่งได้เป็นการชั่วคราว
หมวด ๕
การเบิกจ่ายค่าเชื้อเพลิงรถราชการ
ข้อ ๒๙ ผู้ใช้รถประจำตำแหน่งเป็นผู้จ่ายค่าเชื้อเพลิงเอง เว้นแต่การนำรถไปใช้ในราชการในพื้นที่นอกเหนือไปจากพื้นที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ปกติประจำ ให้เบิกจ่ายเชื้อเพลิงหรือเบิกค่าเชื้อเพลิงได้ตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หัวหน้าส่วนราชการต้องรับรองทุกครั้งว่าได้มีการนำรถประจำตำแหน่งไปใช้ในกรณีดังกล่าวจริง
รถส่วนกลาง รถรับรอง ให้เบิกจ่ายค่าเชื้อเพลิงจากเงินงบประมาณ
หมวด ๖
ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง
ข้อ ๓๐ ข้าราชการฝ่ายอัยการผู้ดำรงตำแหน่งตามบัญชีท้ายหมายเลข ๒ มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง โดยให้เบิกจ่ายอัตราค่าตอบแทนตามบัญชีหมายเลข ๒ ท้ายระเบียบนี้
ผู้มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งในหลายอัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าเพียงอัตราเดียว
ข้อ ๓๐/๑[๒] ข้าราชการฝ่ายอัยการผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงานอัยการสูงสุด ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๗/๒๕๕๗ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง โดยให้เบิกจ่ายอัตราค่าตอบแทนเดือนละ ๔๑,๐๐๐ บาท หากมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งในหลายอัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าเพียงอัตราเดียว
ข้อ ๓๑ การเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินเดือนข้าราชการมาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง
ข้อ ๓๒ ข้าราชการฝ่ายอัยการผู้ดำรงตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งและได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งแล้ว ให้จัดหารถยนต์ส่วนตัวมาใช้ในการปฏิบัติราชการของข้าราชการฝ่ายอัยการผู้นั้นให้เหมาะสมกับเกียรติและฐานะตำแหน่งราชการที่ดำรงอยู่
ข้อ ๓๓ ผู้มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง จะนำรถราชการไปใช้มิได้ หากนำไปใช้ให้ถือเป็นความผิดวินัย เว้นแต่การใช้รถส่วนกลางเพื่อกิจการตามข้อ ๑๓ หรือกรณีการเดินทางไปเป็นหมู่คณะเพื่อการที่จำเป็นและเหมาะสมแก่การดำรงตำแหน่งหน้าที่ในหมู่ข้าราชการและเพื่อสังคม
ข้อ ๓๔ กรณีผู้มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งได้รับคำสั่งให้เดินทางไปราชการชั่วคราว ให้ผู้มีสิทธิดังกล่าวมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายการเดินทางไปราชการ รวมทั้งมีสิทธิขออนุมัติใช้รถส่วนกลางเป็นพาหนะเดินทางไปราชการได้
หมวด ๗
เบ็ดเตล็ด
ข้อ ๓๕ ผู้ใดกระทำการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ หรือกระทำโดยมีเจตนาทุจริต ปราศจากอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจตามที่กำหนด ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงโทษให้เหมาะสมกับความผิดและความร้ายแรงแห่งกรณี
ข้อ ๓๖ รถยนต์ซึ่งสำนักงานภายในได้มาโดยมิได้จัดหาจากงบประมาณของสำนักงาน ถ้าหัวหน้าสำนักงานภายในประสงค์จะให้รถยนต์ดังกล่าวเป็นรถราชการตามระเบียบนี้ ให้เสนอเรื่องผ่านสำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อเสนอ กร.อส. พิจารณา ถ้า กร.อส. เห็นว่ารถยนต์คันดังกล่าวจะเป็นภาระแก่สำนักงาน ให้ กร.อส. พิจารณาไม่รับเป็นรถราชการตามระเบียบนี้
ในกรณีที่ กร.อส. รับรถยนต์ตามวรรคหนึ่งเป็นรถราชการ ให้รถคันดังกล่าวเป็นรถส่วนกลางของสำนักงานภายในนั้น
ข้อ ๓๗ ให้อัยการสูงสุดมีอำนาจออกคำสั่ง เพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับหน้าที่ของพนักงานขับรถยนต์ได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๓๘ อัยการอาวุโสซึ่งเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอัยการจังหวัดที่ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งในอัตรา ๔๑,๐๐๐ บาท อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ คงให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งในอัตรา ๔๑,๐๐๐ บาท ต่อไปจนกว่าจะพ้นจากราชการ
ข้อ ๓๙ ผู้ที่ใช้รถประจำตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้มีสิทธิใช้รถประจำตำแหน่งนั้นต่อไปจนกว่าจะพ้นจากตำแหน่ง
ข้อ ๔๐ ข้าราชการอัยการผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ข้าราชการอัยการผู้นั้นได้รับค่าตอบแทนในอัตราเดิมตามระเบียบนี้ต่อไป เว้นแต่ข้าราชการอัยการผู้นั้นมีสิทธิจะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มตามระเบียบนี้ เฉพาะในส่วนค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ข้อ ๔๑ ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ตามบัญชีหมายเลข ๒ ลำดับที่ ๓ (๒) (๓) และลำดับที่ ๗ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ข้อ ๔๒ ข้าราชการอัยการที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดรับผิดชอบงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดตามวาระ แต่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่น และก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ก.อ.ได้มีมติให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้กลั่นกรองงานที่มีอาวุโสลำดับที่ ๑ รองจากอัยการจังหวัด ให้ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ตามบัญชีหมายเลข ๒ ลำดับที่ ๗ (๑) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
จุลสิงห์ วสันตสิงห์
อัยการสูงสุด
[เอกสารแนบท้าย]
๑. ขนาดมาตรฐานรถราชการสำนักงานอัยการสูงสุด (บัญชีหมายเลข ๑)
(ดูข้อมูลจากภาพกฎหมาย)
ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยรถราชการและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖[๔]
ข้อ ๔ ค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง ตามบัญชีหมายเลข ๒ ลำดับที่ ๓ (๓) ลำดับที่ ๗ (๒) และค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ตามบัญชีหมายเลข ๒ ลำดับที่ ๙ (๑) ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป
ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยรถราชการและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗[๕]
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยรถราชการและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๗[๖]
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
ชาญ/ผู้จัดทำ
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
จุฑามาศ/เพิ่มเติม
๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗
[๒] ข้อ ๓๐/๑ เพิ่มโดยระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยรถราชการและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๗
[๓] บัญชีค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (บัญชีหมายเลข ๒) แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยรถราชการและค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗
[๕] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๓๒ ก/หน้า ๑๙/๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗
[๖] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑/ตอนที่ ๖๔ ก/หน้า ๑/๔ กันยายน ๒๕๕๗
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น