ระเบียบคณะกรรมการอัยการ
ว่าด้วยคณะอนุกรรมการอัยการเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการ
ของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด
พ.ศ. ๒๕๕๔
โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยคณะอนุกรรมการอัยการเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๐ (๘) (๑๐) (๑๑) มาตรา ๓๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๐๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการอัยการจึงออกระเบียบ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการอัยการ ว่าด้วยคณะอนุกรรมการอัยการเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด พ.ศ. ๒๕๕๔”
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
“ก.อ.” หมายความว่า คณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
“อ.ว.ธ.” หมายความว่า คณะอนุกรรมการอัยการเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด
“อนุกรรมการ” หมายความว่า อนุกรรมการอัยการเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด
ข้อ ๔ ให้ ก.อ. มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ข้อ ๕ ให้อัยการสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งอื่นใด ซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
หมวด ๑
คณะอนุกรรมการ
ข้อ ๖ ให้มีคณะอนุกรรมการอัยการเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด เรียกโดยย่อว่า “อ.ว.ธ.” ประกอบด้วย
(๑) รองอัยการสูงสุดหรือผู้ตรวจการอัยการ จำนวน ๑ คน เป็นประธาน
(๒) ข้าราชการอัยการซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่อัยการพิเศษฝ่ายขึ้นไป จำนวน ๓ คน
(๓) ข้าราชการธุรการซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษหรือประเภทอำนวยการ ระดับต้น จำนวน ๒ คน
(๔) ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย หรือด้านการบริหารงานบุคคล หรือด้านการบริหารและการจัดการซึ่งมิได้เป็นข้าราชการฝ่ายอัยการ จำนวนไม่เกิน ๓ คน
ให้หัวหน้างานวินัย ฝ่ายการเจ้าหน้าที่ เป็นเลขานุการ และให้นิติกรงานวินัย ฝ่ายการเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก อ.ว.ธ. จำนวน ๒ คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ อ.ว.ธ. ตาม (๑) (๒) (๔) ต้องไม่เป็นกรรมการอัยการ
หมวด ๒
หลักเกณฑ์และการแต่งตั้ง
ข้อ ๗ ให้ ก.อ. แต่งตั้ง อ.ว.ธ. ตามข้อ ๖
การแต่งตั้งอนุกรรมการตามข้อ ๖ ให้อัยการสูงสุดเสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจำนวนสองเท่าของอนุกรรมการที่จะต้องแต่งตั้งต่อ ก.อ. เพื่อพิจารณาเลือกบุคคลที่เหมาะสมและแต่งตั้งต่อไป
ข้อ ๘ ให้อนุกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งตามข้อ ๗ เข้ารับหน้าที่ตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นต้นไป
ข้อ ๙ อนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามข้อ ๗ มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี อนุกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
ในกรณีที่ อ.ว.ธ. พ้นจากตำแหน่งเพราะครบวาระ ให้คงทำหน้าที่เท่าที่จำเป็นต่อไปจนกว่า อ.ว.ธ. คณะใหม่เข้ารับหน้าที่
ข้อ ๑๐ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามข้อ ๙ ให้อนุกรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) กระทำผิดวินัยนับแต่วันที่มีคำสั่งลงโทษทางวินัย
(๔) มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๖ วรรคสาม
(๕) ถูกถอดถอนจากตำแหน่งตามข้อ ๑๑
(๖) มีเหตุตามข้อ ๑๒
ข้อ ๑๑ ให้ ก.อ. มีอำนาจถอดถอนอนุกรรมการออกจากตำแหน่งได้ในกรณีดังนี้
(๑) มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่อนุกรรมการ
(๒) ปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ คุณธรรมและจริยธรรม หรือ
(๓) กระทำการอันมีมูลเป็นความผิดวินัย ถูกกล่าวหา หรือกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดทางวินัย
ในการพิจารณาถอดถอนตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ที่ถูกพิจารณาถอดถอนมีสิทธิเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ ก.อ.
ในระหว่างการพิจารณาถอดถอนตามวรรคสอง ผู้นั้นจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้
ข้อ ๑๒ ในกรณีที่ ก.อ. เห็นว่ามีเหตุผลและความจำเป็น เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของ อ.ว.ธ. ให้ ก.อ. พิจารณาให้อนุกรรมการพ้นจากตำแหน่งได้ในกรณีดังนี้
(๑) ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
(๒) ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายอันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่
(๓) ขาดการประชุมติดต่อกันเกินกว่า ๓ ครั้ง
(๔) เหตุอื่นใดตามที่ ก.อ. เห็นสมควร
ข้อ ๑๓ ในกรณีที่ตำแหน่งอนุกรรมการว่างลง ถ้ายังมีอนุกรรมการพอที่จะเป็นองค์ประชุม ให้ อ.ว.ธ. ที่เหลืออยู่ดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ต่อไปได้
ข้อ ๑๔ ในการแต่งตั้งอนุกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างลงก่อนครบวาระ ให้นำความในข้อ ๗ และข้อ ๘ มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งได้เท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
อนุกรรมการที่ดำรงตำแหน่งแทนตามวรรคหนึ่ง หากมีวาระเหลืออยู่ไม่ถึง ๑ ปี ไม่ให้นับเป็นวาระการดำรงตำแหน่งตามข้อ ๙
หมวด ๓
อำนาจและหน้าที่
ข้อ ๑๕ ให้ อ.ว.ธ. ทำหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการธุรการ ตามระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยการบริหารงานบุคคลของข้าราชการธุรการสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการร้องทุกข์และการอุทธรณ์
นอกจากการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบนี้ อ.ว.ธ. อาจปฏิบัติหน้าที่อื่นได้ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดมอบหมาย
ข้อ ๑๖ การประชุม อ.ว.ธ. ต้องมีอนุกรรมการมาประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุม
ถ้าประธาน อ.ว.ธ. ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้อนุกรรมการในที่ประชุมเลือกอนุกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
ให้นำระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยการประชุมและการลงมติมาใช้บังคับโดยอนุโลม เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
ข้อ ๑๗ เมื่อ อ.ว.ธ. มีมติเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย หรือการออกจากราชการแล้วให้ประธาน อ.ว.ธ. รายงานให้ ก.อ. ทราบ และให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการออกคำสั่งหรือปฏิบัติตามมติของ อ.ว.ธ.
ข้อ ๑๘ เบี้ยประชุมหรืออัตราค่าตอบแทนของอนุกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ อนุกรรมการและค่าตอบแทนบุคคลหรือคณะบุคคล
ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
จุลสิงห์ วสันตสิงห์
อัยการสูงสุด
ประธานคณะกรรมการอัยการ
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
๖ กันยายน ๒๕๕๔
ณัฐวดี/ตรวจ
๖ กันยายน ๒๕๕๔
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น